บันทึกอนุทิน
วิชา การจัดประสบการณ์วิทยาศาสตร์สำหรับเด็กปฐมวัย
(Science Experiences Management for Early Childhood )
อาจารย์ผู้สอน อ.จินตนา สุขสำราญ
ประจำวันที่ 15 กันยายน 2558
เรียนครั้งที่่ 5 เวลา 13.30-17.30 น.
กลุ่ม 102 วันอังคาร ห้อง 223
Knowledge ( ความรู้ )
การทำงานของสมอง
Knowledge ( ความรู้ )
การทำงานของสมอง
สมองคืออวัยวะสำคัญของมนุษย์เป็นส่วนกลางของระบบประสาททำหน้าที่ควบคุมและ สั่งการเคลื่อนไหว แสดงพฤติกรรม การรับรู้ อารมณ์ ความรู้สึกและรักษาสมดุลย์ในร่างกาย ซึ่งประกอบด้วยเซลล์ 2 ชนิด คือนิวรอนและเกลีย มีหน้าที่ดูแลปกป้องเซลล์ประสาทที่ทำหน้าที่ส่งข้อมูลในรูปแบบของสัญญาณ ไฟฟ้า การทำงานของสมองมนุษย์แบ่งออกเป็น 3 ส่วน คือ สมองส่วนหน้าทำหน้าที่เก็บข้อมูล ควบคุมการทำงานของร่างกาย กล้ามเนื้อ การรับสัมผัส ความจำ เชาวน์ปัญญา และการได้ยิน สมองส่วนกลาง ถูกสั่งการออกมาจากสมองส่วนหน้า ควบคุมการเคลื่อนไหวและการทำงานของประสาทตา และสมองส่วนท้าย ควบคุมการทำงานการเคลื่อนไหวของร่างกาย การทรงตัว และควบคุมการหายใจ การหมุนเวียนของเลือด
- สมองซีกซ้าย
- สมองซีกขวา
สมองซีกขวาทำหน้าที่ได้ดีในด้านต่อไปนี้
1. การมองอะไรที่เป็นมิติ และช่องว่างบนพื้นผิว (Spatial)
2.การเข้าใจภาษาง่ายๆ ที่ไม่ซับซ้อน
3.การรับรู้ลวดลายทางด้านศิลปะ การแสดงละครบนเวที
4. ความคิดสร้างสรรค์
5. การมีอารมณ์ขัน
6. การรับรู้เกี่ยวกับการสัมผัส
7. ความคิดเชิงนามธรรม
8. การใช้ภาษาท่าทางหรือภาษากาย ซึ่งเป็นสิ่งที่เราใช้เป็นประจำ เช่น การแสดงออกของสีหน้า
9. การจัดสภาพแวดล้อมให้กลมกลืน
10. การทำกิจกรรมหลายอย่างในเวลาเดียวกัน รวมถึงการฟังคน 2 คนพูดพร้อมกัน ทั้งที่ต่างพูดคนละแบบ
สมองซีกซ้ายทำหน้าที่ได้ดีในด้านต่อไปนี้
1.การแสดงออกทางด้านการพูด
2. การรับรู้ด้านภาษา
3. การใช้กล้ามเนื้อแขนขาและมือ
4. ความระมัดระวัง
5. การเรียนรู้โดยการจัดหมวดหมู่
6. การค้นหาความเหมือนกัน
7. การที่จะมีสติควบคุมตัวเองได้
8. การสร้างแนวคิดใหม่ๆ หรือความรู้ที่เกี่ยวกับแนวความคิด หรือความคิดรวบยอดที่เราเรียกว่าการวาง Concept
9. การวิเคราะห์เกี่ยวกับเวลา
10. การเรียนคณิตศาสตร์คำนวณ การเข้าใจจำนวน
11. การเขียน
12. การจำแนกซ้ายขวา
13. การจัดลำดับสิ่งของ
หลักการ/แนวคิดสู่การปฏิบัติการพัฒนาการเด็ก
1. กีเซล (Gesell)
หลักการ :
- พัฒนาการของเด็กเป็นไปอย่างมีแบบแผนและเป็นขั้นตอนเด็กควรพัฒนาไปตามธรรมชาติไม่ควรเร่งหรือบังคับ
- การเรียนรู้ของเด็กเกิดขึ้นจากการเคลื่อนไหวการใช้ภาษาการปรับตัวเข้ากับสังคมและบุคคลรอบข้าง
แนวคิดสู่การปฏิบัติพัฒนาการเด็ก :
- โครงสร้างของหลักสูตรยุทธนาการเด็ก คุณลักษณะที่พึงประสงค์และประสบการณ์สำคัญ
- ไม่ควรเร่งสอนสิ่งที่ยากเกินพัฒนาการตามวัยของเด็ก
- จัดกิจกรรมให้เด็กมีโอกาสเคลื่อนไหวกิจกรรมเดี่ยว และกิจกรรมกลุ่ม
- จัดกิจกรรมให้เด็กได้ฟังได้พูด ท่องคำคล้องจองร้องเพลงฟังนิทาน
2. ฟรอยด์ (Freud)
หลักการ :
- ประสบการณ์ในวัยเด็กส่งผลต่อบุคลิกภาพของคนเราเมื่อเติบโตเป็นผู้ใหญ่หากเด็กไม่ได้รับการตอบสนองอย่างเพียงพอจะเกิดอาการชะงักพฤติกรรมถดถอย ส่งผลต่อพัฒนาการของเด็ก
แนวคิดสู่การปฏิบัติการพัฒนาเด็ก
- ครูเป็นแบบอย่างที่ดีทางการแสดงออก ท่าที วาจา
- จัดกิจกรรมเป็นขั้นตอนจากง่ายไปยากจัดสิ่งแวดล้อมที่บ้านและโรงเรียนเพื่อส่งเสริมพัฒนาการ
3. อิริคสัน ( Erikson )
หลักการ :
- ถ้าเด็กอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่เด็กพอใจ ประสบผลสำเร็จเด็กจะมองโลกในแง่ดีมีความเชื่อมั่นและไว้วางใจผู้อื่น
- ถ้าเด็กอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่ไม่ดีไม่พอใจจะมองโลกในแง่ร้ายขาดความเชื่อมั่นในตนเองและไม่วางไว้วางใจผู้อื่น
แนวคิดสู่การปฏิบัติการพัฒนาเด็ก :
- จัดกิจกรรมให้เด็กมีโอกาสประสบผลสำเร็จโดยจัดกิจกรรมที่เหมาะกับวัยไม่ยากและมีให้เลือกตามความสามารถหรือความสนใจ
- จัดบรรยากาศในห้องเรียนให้เด็กมีโอกาสสร้างปฏิสัมพันธ์ที่ดีต่อสภาพแวดล้อมครูและเพื่อนเพื่อน เช่น จัดบรรยากาศให้อบอุ่นมีความสบายใจและเด็กได้ทำกิจกรรมร่วมกัน
4. เพียเจต์ ( Piaget)
หลักการ :
- พัฒนาการทางเชาวน์ปัญญาของเด็กเกิดจากการที่เด็กมีปฏิสัมพันธ์กับสภาพแวดล้อมรอบรอบตัวเด็กมีการรับรู้จากสิ่งแวดล้อมใหม่ๆที่เกิดขึ้นตลอดเวลาและมีการปรับขยายประสบการณ์เดิมความคิดและความหมายมากขึ้น
- พัฒนาการของเด็กปฐมวัย 0-6 ปี
1) ขั้นประสาทสัมผัสและการเคลื่อนไหววัย 0 ถึง 2 ปี เด็กเรียนรู้ทุกอย่างทางประสาทสัมผัสทุกด้าน 2) ขั้นความคิดก่อนปฏิบัติการวัย 2 ปี 6 ปี เริ่มเรียนภาษาพูดและภาษาท่าทางในการสื่อสาร ตนเองเป็นศูนย์กลางคิดหาเหตุผลไม่ได้จัดหมวดหมู่ได้ตามเกณฑ์ของต้น
แนวคิดสู่การปฏิบัติพัฒนาการเด็ก :
- จัดกิจกรรมให้เด็กได้ใช้ประสาทสัมผัสทั้ง 5 กิจกรรมสำรวจทดลองกิจกรรมประกอบอาหารทัศนศึกษา
- จัดให้เด็กฝึกฝนทักษะสังเกตจำแนกเปรียบเทียบ เช่น การเล่นเกมการศึกษาการเรียนรู้จากสื่อของจริงการสำรวจทดลอง
- จัดให้เด็กได้เรียนรู้จากสิ่งที่อยู่ใกล้ตัวไปสู่เรื่องไกลตัวเรียนรู้จักหน่วยตามความสนใจและเรียนรู้จากสิ่งที่เป็นรูปธรรมก่อน
5. ดิวอี้ ( Dewey)
หลักการ :
- เด็กเรียนรู้โดยการกระทำ
- การพัฒนาสติปัญญาของเด็กจะต้องฝึกให้เด็กคิดแบบวิทยาศาสตร์และมีระบบ
แนวคิดสู่การปฏิบัติพัฒนาการเด็ก :
- จัดกิจกรรมให้เด็กได้ประสบผลสำเร็จ พึงพอใจต่อสภาพแวดล้อมของห้องเรียน เพื่อน ครู
- จัดบรรยากาศในห้องเรียน ให้เด็กมีโอกาสในห้องเรียน ให้เด็กมีโอกาสสร้างปฏิสัมพันธ์ที่ดีต่อสภาพแวดล้อม ครู และเพื่อนๆ
ุ6. สกินเนอร์ (Skinner)
หลักการ :
- ถ้าเด็กได้รับคำชมเชยและประสบความสำเร็จในการทำกิจกรรมเด็กจะสนใจที่จะทำต่อไป
- เด็กแต่ละคนมีความแตกต่างไม่มีใครเหมือนใคร
แนวคิดสู่การปฏิบัติพัฒนาการเด็ก :
- ให้แรงเสริม เช่น ชมเชย ชื่นชม เมื่อเด็กทำกิจกรรมประสบผลสำเร็จ
- ไม่นำเด็กมาเปรียบเทียบแข่งขันกัน
7. เปสตาลอสซี่ ( Pestalozzi)
หลักการ :
- ความรักเป็นพื้นฐานสำคัญและจำเป็นต่อการพัฒนาเด็ก ทั้งด้านร่างกายและสติปัญญา
- เด็กแต่ละคนแตกต่างกัน ทั้งด้านความสนใจ ความต้องการ และระดับความสามารถในการเรียน
- เด็กไม่ควรถูกบังคับให้เรียนรู้ด้วยการท่องจำ
แนวคิดสู่การปฏิบัติพัฒนาการเด็ก :
- จัดกิจกรรมเตรียมความพร้อม ให้ความรัก ให้เวลา และให้เด็กเรียนรู้จากประสบการณ์
8. เฟรอเบล ( Froeble)
หลักการ :
- ควรส่งเสริมพัฒนาการตามธรรมชาติของเด็กด้วยการกระตุ้นให้เกิดความคิดสร้างสรรค์อย่างเสรี
แนวคิดสู่การปฏิบัติพัฒนาการเด็ก :
- จัดกิจกรรมเรียนรู้ผ่านการเล่นอย่างเสรี
9.เอลคายน์ ( Elkind )
หลักการ :
- การเร่งเด็กให้เรียนรู้แต่เล็กเป็นอันตรายต่อเด็ก
- เด็กควรมีโอกาสเล่นและเลือกิจกรรมการเล่นด้วยตนเอง
แนวคิดสู่การปฏิบัติพัฒนาการเด็ก :
- จัดบรรยากาศในห้องเรียนให้เด็กมีโอกาสเล่นและเลือกกิจกรรมการเล่นด้วยตนเอง
** ประมวลแนวคิดของนักการศึกษามาสู่หลักการในการจัดการศึกษาปฐมวัย แล้วนำไปปฏิบัติจัดกิจกรรมให้สอดคล้องกับชีวิตจริงของเด็ก **
ความหมายของวิทยาศาสตร์
หมายถึง การศึกษาสืบค้นและจัดระบบความจริงเกี่ยวกับธรรมชาติโดยอาศัยกระบวนการแสวงหาความรู้ทางวิทยาศาสตร์ที่ประกอบด้วยวิธีการ ทักษะกระบวนการ และเจตคติทางวิทยาศาสตร์อย่างมีระบบแบบเเผน มีขอบเขตโดยอาศัยการสังเกต การทดลองเพื่อค้นหาความเป็นจริงและทำให้ได้มาวึ่งความรู้ทางวิทยาศาสตร์ที่เป็นที่ยอมรับโดยทั่วไป
แนวคิดพื้นฐานทางวิทยาศาสตร์
1. การเปลี่ยนแปลง
2. ความแตกต่าง
3. การปรับตัว
4. การพึ่งพาอาศัยกัน
5. ความสมดุล
การศึกษาวิธีการทางวิทยาศาสตร์
1. ขั้นกำหนดปัญหา
2. ขั้นตั้งค่าสมมติฐาน
3. ขั้นรวบรวมข้อมูล
4. ขั้นลงข้อสรุป
เจตคติทางวิทยาศาสตร์
1. ความอยากรู้อยากเห็น
2. ความเพียรพยายาม
3. ความมีเหตุผล
4. ความซื่อสัตย์
5. ความมีระเบียบและรอบคอบ
6. ความใจกว้าง
2. ขั้นตั้งค่าสมมติฐาน
3. ขั้นรวบรวมข้อมูล
4. ขั้นลงข้อสรุป
เจตคติทางวิทยาศาสตร์
1. ความอยากรู้อยากเห็น
2. ความเพียรพยายาม
3. ความมีเหตุผล
4. ความซื่อสัตย์
5. ความมีระเบียบและรอบคอบ
6. ความใจกว้าง
การเรียนรู้อย่างมีความสุข
- การเรียนรู้จากการคิดและปฏิบัติจริง
- การเรียนรู้แบบองคืรวมที่ครอบคลุมพัฒนาการทุกด้าน
การเรียนรู้จากการคิดและปฏิบัติจริง
- การเรียนรู้จากการคิดและปฏิบัติจริง
- เรียนรู้โดยผ่านประสาทสัมผัสทั้ง 5
- พัฒนาทักษะการสังเกต การเปรียบเทียบ การจำแนก การสรุปความคิดรวบยอด การแก้ปัยหา การคิดสร้างสรรค์ ฯลฯ
- กิจกรรมโครงการ กิจกรรมประจำวัน การเล่น กิจกรรมการทดลอง กิจกรรมการศึกษานอกสถานที่ กิจวัตรประจำวัน ฯลฯ
การเรียนรู้แบบองค์รวม
- กิจกรรมที่จัดสอดคล้องกับประสบการณ์ที่ได้รับ
- ครูผู้สอนหรือผู้ดูแล เด็กควรหลอมรวมหรือเชื่อมโยงความรู้ประสบการณ์
- ครอบคลุมพัฒนาการทุกด้านทั้งทางร่างกาย อารมณ์-จิตใจ สังคม และสติปัญญา
- ประสบการณ์ต่างๆ สัมพันธ์กันในลักษณะบูรณาการ
สรุป หลักการจัดการศึกษาสำหรับเด็กปฐมวัย
พัฒนาเด็กให้ครบทุกพัฒนาการ เน้นให้เด็กได้ช่วยเหลือตนเองและอยู่ร่วมกับผู้อื่นอย่างมีความสุข กิจกรรมที่จัดต้องมีความสมดุล ยึดเด็กเป็นสำคัญ และต้องประสานสัมพันธ์กับครอบครัวและชุมชน
กิจกรรมนำเสนอบทความ
เลขที่ 1 นำเสนอบทความ เรื่อง " วิทยาศาสตร์สำหรับเด็กปฐมวัย "
วิทยาศาสตร์เป็นการศึกษาเรื่องราวเกี่ยวกับชีวิตของเรา ความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์ส่งผลให้เราสามารถดูแลสุขภาพได้ดีขึ้นและมีความเข้าใจเกี่ยวกับการโภชนาการ ผลจากการแสวงหาความรู้ทางวิทยาศาสตร์ทำให้เรามีความเป็นอยู่อย่างสะดวกสบาย ความรู้ทางวิทยาศาสตร์ทำให้เราเกิดความตระหนักมากขึ้นและพยายามที่เขียนอธิบายสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างมีเหตุผล
เด็กเล็กๆมีธรรมชาติที่เป็นผู้ความอยากรู้อยากเห็น ชอบใช้คำถามว่า ทำไม อย่างไรสามารถแสวงหาความรู้จากสิ่งต่างๆรอบตัวเขาและเริ่มเข้าใจสภาพแวดล้อมที่เขาอาศัยอยู่ เด็กสามารถสังเกตและสื่อสารเกี่ยวเรื่องดิน หิน อากาศและท้องฟ้า เรียนรู้เกี่ยวกับวัตถุ พลังงานจากแม่เหล็ก แสงและเสียง เด็กสามารถสำรวจลักษณะของน้ำและความร้อน กิจกรรมวิทยาศาสตร์ส่งเสริมพัฒนาการทางสติปัญญาโดยทำให้เด็กได้รับความรู้ พัฒนาทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์เช่น การสังเกต การจำแนกประเภท การเรียงลำดับ การวัด การคาดคะแน และการสื่อสาร รวมทั้งทักษะการแสวงหาความรู้
เลขที่ 2 นำเสนอบทความ เรื่อง " สอนลูกเรื่องปรากฏการณ์ธรรมชาติ "
การเรียนรู้เกี่ยวกับปรากฏการณ์ทางธรรมชาติช่วยฝึกฝนทักษะทางด้านวิทยาศาสตร์ให้กับเด็ก
เช่น ทักษะการสังเกต ทักษะการจำแนกเปรียบเทียบ ทักษะการรับฟัง ทักษะความตั้งใจ ทักษะการค้นพบ
ทักษะการสรุปข้อมูล ทักษะการอธิบาย และทักษะการปฏิบัติ ทำให้เด็กได้พัฒนาและสร้างความคิดรวบยอดในสิ่งที่ได้จากการเรียนรู้ เป็นคนที่มีความสามารถในการคิดแบบวิทยาศาสตร์ ไม่เชื่อสิ่งใดง่ายๆ ทุกอย่างที่ต้องการรู้จะเกิดจากการลงมือกระทำและพิสูจน์ให้เห็นในเชิงประจักษ์ ทำให้เด็กมีเหตุผลในการกระทำสิ่งต่างๆ และสามารถใช้ทักษะทางวิทยาศาสตร์ในการแก้ปัญหาทั้งในส่วนตนและส่วนรวมได้ เช่น การจัดกิจกรรมที่ทำให้เด็กมีความเข้าใจและมีความคิดรวบยอดเกี่ยวกับการเกิดรุ้งกินน้ำจากการเป่าฟองสบู่ การเกิดฝนจากการต้มน้ำ การต้มไข่ การซักผ้าและนำไปผึ่งแดด การเกิดกลางวัน กลางคืนจากการส่องแสงจากไฟฉายให้ไปกระทบกับพื้นผิวของลูกบอล เป็นต้น ซึ่งลักษณะการทดลองการเกิดปรากฏการณ์ง่ายๆดังกล่าว ทำให้เด็กมีความรู้ความเข้าใจและมีความคิดรวบยอดได้ และที่สำคัญเป็นการเรียนรู้ที่ผ่านประสบการณ์ตรง เด็กได้ลงมือปฏิบัติและค้นพบองค์ความรู้ได้ด้วยตนเอง
แนวทางในการ สืบเสาะความรู้ทางวิทยาศาสตร์สำหรับเด็ก อันประกอบแนวทางการปฏิบัติ 5 ข้อดังนี้
กิจกรรมนำเสนอบทความ
เลขที่ 1 นำเสนอบทความ เรื่อง " วิทยาศาสตร์สำหรับเด็กปฐมวัย "
วิทยาศาสตร์เป็นการศึกษาเรื่องราวเกี่ยวกับชีวิตของเรา ความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์ส่งผลให้เราสามารถดูแลสุขภาพได้ดีขึ้นและมีความเข้าใจเกี่ยวกับการโภชนาการ ผลจากการแสวงหาความรู้ทางวิทยาศาสตร์ทำให้เรามีความเป็นอยู่อย่างสะดวกสบาย ความรู้ทางวิทยาศาสตร์ทำให้เราเกิดความตระหนักมากขึ้นและพยายามที่เขียนอธิบายสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างมีเหตุผล
เด็กเล็กๆมีธรรมชาติที่เป็นผู้ความอยากรู้อยากเห็น ชอบใช้คำถามว่า ทำไม อย่างไรสามารถแสวงหาความรู้จากสิ่งต่างๆรอบตัวเขาและเริ่มเข้าใจสภาพแวดล้อมที่เขาอาศัยอยู่ เด็กสามารถสังเกตและสื่อสารเกี่ยวเรื่องดิน หิน อากาศและท้องฟ้า เรียนรู้เกี่ยวกับวัตถุ พลังงานจากแม่เหล็ก แสงและเสียง เด็กสามารถสำรวจลักษณะของน้ำและความร้อน กิจกรรมวิทยาศาสตร์ส่งเสริมพัฒนาการทางสติปัญญาโดยทำให้เด็กได้รับความรู้ พัฒนาทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์เช่น การสังเกต การจำแนกประเภท การเรียงลำดับ การวัด การคาดคะแน และการสื่อสาร รวมทั้งทักษะการแสวงหาความรู้
เลขที่ 2 นำเสนอบทความ เรื่อง " สอนลูกเรื่องปรากฏการณ์ธรรมชาติ "
การเรียนรู้เกี่ยวกับปรากฏการณ์ทางธรรมชาติช่วยฝึกฝนทักษะทางด้านวิทยาศาสตร์ให้กับเด็ก
เช่น ทักษะการสังเกต ทักษะการจำแนกเปรียบเทียบ ทักษะการรับฟัง ทักษะความตั้งใจ ทักษะการค้นพบ
ทักษะการสรุปข้อมูล ทักษะการอธิบาย และทักษะการปฏิบัติ ทำให้เด็กได้พัฒนาและสร้างความคิดรวบยอดในสิ่งที่ได้จากการเรียนรู้ เป็นคนที่มีความสามารถในการคิดแบบวิทยาศาสตร์ ไม่เชื่อสิ่งใดง่ายๆ ทุกอย่างที่ต้องการรู้จะเกิดจากการลงมือกระทำและพิสูจน์ให้เห็นในเชิงประจักษ์ ทำให้เด็กมีเหตุผลในการกระทำสิ่งต่างๆ และสามารถใช้ทักษะทางวิทยาศาสตร์ในการแก้ปัญหาทั้งในส่วนตนและส่วนรวมได้ เช่น การจัดกิจกรรมที่ทำให้เด็กมีความเข้าใจและมีความคิดรวบยอดเกี่ยวกับการเกิดรุ้งกินน้ำจากการเป่าฟองสบู่ การเกิดฝนจากการต้มน้ำ การต้มไข่ การซักผ้าและนำไปผึ่งแดด การเกิดกลางวัน กลางคืนจากการส่องแสงจากไฟฉายให้ไปกระทบกับพื้นผิวของลูกบอล เป็นต้น ซึ่งลักษณะการทดลองการเกิดปรากฏการณ์ง่ายๆดังกล่าว ทำให้เด็กมีความรู้ความเข้าใจและมีความคิดรวบยอดได้ และที่สำคัญเป็นการเรียนรู้ที่ผ่านประสบการณ์ตรง เด็กได้ลงมือปฏิบัติและค้นพบองค์ความรู้ได้ด้วยตนเอง
เลขที่ 3 นำเสนอบทความ เรื่อง " แนวทางการสอนคิด เติมวิทย์ให้เด็กอนุบาล "
แนวทางในการ สืบเสาะความรู้ทางวิทยาศาสตร์สำหรับเด็ก อันประกอบแนวทางการปฏิบัติ 5 ข้อดังนี้
1. ตั้งคำถามที่เด็กสามารถตรวจสอบได้ด้วยตัวเอง เช่น คำถามเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมรอบๆ ตัว หรือโลกของเรา
2.ออกไปหาคำตอบด้วยกัน เนื่องจากคำถามในระดับเด็กอนุบาลมักจะเปิดกว้าง ดังนั้นการค้นหาคำตอบอาจมีคุณครูคอยช่วยจัดประสบการณ์ให้เด็กตามที่เขาตั้งขึ้น
3. เมื่อขั้นสองสำเร็จ เด็กจะเอาสิ่งที่เขาค้นพบมาไปตอบคำถามของเขาเอง ในขั้นนี้คุณครูอาจช่วยเสริมในแง่ของความครบถ้วนสมบูรณ์หรือในด้านของเหตูและผล
4. นำเสนอสิ่งที่เขาสำรวจตรวจสอบมาแล้วให้กับเพื่อนๆ
5. การนำสิ่งที่เด็กค้นพบคำตอบนั้นไปเชื่อมโยงกับคำอธิบายทางวิทยาศาสตร์
Skill (ทักษะ)
- ทักษะการตอบคำถาม
- ทักษะการคิดวิเคราะห์
- ทักษะการนำเสนองาน
- ทักษะการใช้ความคิดรวบยอด
Application ( การประยุกต์ใช้)
นำความรู้ที่ได้ไปใช้เป็นหลักการการจัดการเรียนการสอนเรื่องวิทยาศาตร์ให้แก่เด็กปฐมวัย โดยจัดให้สอดคล้องกับความต้องการและพัฒนาการของเด็ก
Technical Education (เทคนิคการสอน)
- เทคนิคการใช้คำถาม เพื่อกระตุ้นให้ผู้เรียนเกิดกระบวนการคิด
- สอนให้ผู้เรียนนำเสนองานให้ถูกต้อง
- สอนเริ่มจากหลักการและนำมาสรุป
Evaluation (การประเมิน)
- Self : ตั้งใจเรียน แต่งกายสุภาพ เข้าใจในบทเรียนมากยิ่งขึ้นและชัดเจนขึ้น มองเห็นภาพในเนื้อหาชัดเจนมากยิ่งขึ้น
- Friend : ตั้งใจเรียน ช่วยกันตอบคำถาม มีการช่วยเหลือกันระหว่างเรียน
- Teacher : เข้าสอนตรงเวลา แต่งกายสุภาพ บรรยายเนื้อหาให้เข้าใจได้ง่าย ยกตัวอย่างให้เข้าใจในเนื้อหามากขึ้น มีการใช้น้ำเสียงที่สูงต่ำกระตุ้นนักศึกษาอยู่ตลอดเวลา